1. ทางเดิน พื้นของที่ทำงาน
ทางเดิน
Check Point
1. ทางเดินมีความกว้างมากกว่า 80 เซนติเมตร และมีเส้นสีขาวแสดงเป็นสัญลักษณ์หรือไม่
2. สถานที่สำหรับวางของมีสัญลักษณ์แสดงไว้หรือไม่
3. พื้นผิวทางเดินเปียกนํ้าหรือลื่นหรือไม่
4. แสงสว่างเหมาะสมหรือไม่
5. จุดที่เป็นทางผ่านของสายพานลำเลียง เพลา และท่อ มีสะพานเดินข้ามอยู่หรือไม่
6. ส่วนบนเหนือทางเดินมีสิ่งกีดขวางที่อาจจะชนศีรษะได้อยู่หรือไม่
7. บริเวณทางเข้าออกมีสิ่งของกองซ้อนกันอยู่ทำให้เกิดทัศนวิสัยที่ไม่ดีหรือไม่
8. มีสิ่งของกองอยู่บริเวณปากทางออกฉุกเฉินและบันไดหรือไม่
พื้นของที่ทำงาน
Check Point
1. เมื่อเปียกนํ้าหรือนํ้ามันแล้วลื่นง่ายหรือไม่
2. มีรอยขรุขระหรือรอยชำรุดเสียหายหรือไม่
3. มีท่อระบายน้ำที่ไม่มีฝาปิดอยู่หรือไม่
4. การเดินสายไฟ ท่อต่าง ๆ เป็นระบบฝังอยู่ใต้พื้นหรือไม่
5. มีสิ่งของโผล่ขึ้นมาจากผิวหน้าของพื้นหรือไม่
6. มีวัตถุดิบ ผลิตภัณฑ์ และเศษวัสดุ ถูกวางกระจัดกระจายอยู่ตามพื้นหรือไม่
ช่องเปิด หลุม (Pit)
Check Point
1. บริเวณที่มีความสูงตั้งแต่ 2 เมตรขึ้นไป มีพื้นติดตั้งอยู่หรือไม่
2. พื้นมีความแข็งแรง ไม่มีช่อง รอยแตกชำรุด และผุกร่อนหรือไม่
3. บริเวณรอบ ๆ พื้นและรอบช่องเปิด มีราวกันตกหรือราวจับติดตั้งอยู่หรือไม่
4. ที่ช่องเปิดมีราวจับที่มีความสูง 90 เซนติเมตร ขึ้นไป ติดตั้งอยู่หรือไม่
5. ที่บริเวณรอบ ๆ ช่องเปิดของปากบันได ยกเว้นฝั่งทางเข้าออกมีราวกันตกติดตั้งอยู่หรือไม่
ช่องเปิดชั้นลอยเก็บของ
Check Point
1. ที่ช่องเปิดมีฝาปิดที่มีความแข็งแรงเพียงพอติดตั้งอยู่หรือไม่ และบริเวณรอบ ๆ ช่องเปิดนั้นมีราวกันตกหรือราวจับติดตั้งอยู่หรือไม่
2. ในกรณีของงานที่ต้องมีการถอดราวกันตกและราวจับออก เมื่อเสร็จสิ้นงานนั้นแล้ว มีการใส่กลับเข้าไปให้เหมือนสภาพเดิมหรือไม่
3. ตำแหน่งของฝาปิดที่ช่องเปิดอยู่ในระนาบเดียวกับพื้น โดยมีตัวกันเหลื่อมติดตั้งอยู่หรือไม่
บันได
Check Point
1. สามารถขึ้นลงได้ง่ายหรือไม่
2. ที่ขั้นบันไดมีนํ้ามัน โคลน เปรอะเปื้อนอยู่หรือไม่
3. แถบกันลื่นชำรุดหรือเสียรูปหรือไม่
4. เหนือบันไดมีสิ่งกีดขวาง เช่น ท่อติดตั้งอยู่หรือไม่
5. ความสูงของราวจับเหมาะสมหรือไม่
นอกจากนี้ยังมีสิ่งที่ควรคำนึงถึงดังต่อไปนี้
1. ความชันของบันไดควรจะทำมุมประมาณ 30-38° กับแนวราบ ขั้นบันไดควรมีความกว้างมากกว่า 23 เซนติเมตร และความสูงของแต่ละขั้นควรจะประมาณ 13-20 เซนติเมตร
2. สิ่งกีดขวางที่อยู่เหนือบันไดในระดับความสูงไม่เกิน 2.2 เมตร ให้ย้ายออก หรือพันด้วยนวมกันกระแทก และติดเครื่องหมายแถบเหลืองสลับดำ
3. ความสูงของราวจับควรจะอยู่ในระดับสูงจากผิวหน้าขั้นบันไดไม่ตํ่ากว่า 76 เซนติเมตร และไม่เกิน 86 เซนติเมตร
บันไดสำหรับปีนขึ้นที่สูง
1. บันไดลิง
Check Point
1. มีความแข็งแรงและถูกยึดให้อยู่กับที่อย่างแข็งแรงหรือไม่
2. ส่วนบนสุดของบันไดอยู่สูงกว่าระดับพื้นชั้นบนมากกว่า 60 เซนติเมตร หรือไม่
3. ขั้นบันไดอยู่ห่างจากผนังของอุปกรณ์ที่บันไดติดตั้งอยู่มากกว่า 20 เซนติเมตร หรือไม่
4. ระยะระหว่างขั้นบันไดห่างกันประมาณ 25-35 เซนติเมตร และเท่ากัน ทุกขั้นหรือไม่
5. บันไดลิงที่มีความสูงตั้งแต่ 5 เมตรขึ้นไป ตั้งแต่ระยะ 2.5 เมตร เหนือ พื้นข้างล่างขึ้นมามีราวกันตกติดตั้งอยู่หรือไม่
6. บันไดขั้นบนสุดอยู่ในระดับเดียวกับพื้นชั้นบนหรือไม่
2. บันไดพาดชนิดเคลื่อนย้ายได้
Check Point
1. มีโครงสร้างที่มั่นคงแข็งแรง มีการโก่งงอ โยกคลอนแคลน มีรอยแตกร้าว และผุกร่อนหรือไม่
2. ระยะระหว่างขั้นบันไดห่างกันประมาณ 25-30 เซนติเมตร และเท่ากันทุกขั้นหรือไม่
3. ที่ปลายด้านล่างมียางกันลื่นสวมอยู่หรือไม่
4. มุมในการพาด (มุมระหว่างพื้นและบันได) อยู่ในช่วงมุมประมาณ 60° – 75° หรือไม่
5. บันไดพาดอยู่กับบริเวณที่มีความแข็งแรงน้อย เช่น ขอบหน้าต่าง หรือไม่
6. พาดให้ส่วนบนของบันไดยื่นเลยจากจุดที่พาดขึ้นไปอย่างน้อย 60 เซนติเมตร หรือไม่
7. การใช้บันไดพาดบริเวณทางเดิน ทางผ่านเข้าออก รวมทั้งบริเวณใกล้เคียงนั้นเพี่อป้องกันการถูกชน มีการวางมาตรการเพี่อความปลอดภัย เช่น ติดป้าย “ระวัง” “ห้ามผ่าน” ฯลฯ หรือไม่
8. ส่วนบนของบันไดถูกยึดให้อยู่กับที่เพื่อป้องกันการล้มหรือไถลลงมาหรือไม่
9. ที่ขั้นบันไดเปื้อนนํ้ามันและลื่นหรือไม่
ตัวอย่างอุบัติภัย
ตกจากบันไดพาด ขณะปีนขึ้นไปขนของบนชั้นลอยที่เก็บของ
เหตุการณ์เช่นนี้เกิดขึ้นที่โรงงานแห่งหนึ่ง ขณะที่มีการใช้บันไดยาว 2 เมตร พาดเพื่อจะขึ้นไปขนกระดาษกล่องลูกฟูกลงมาจากชั้นลอยเก็บของ เมื่อปีนขึ้นไปถึงชั้นที่ 3 (สูงจากพื้นประมาณ 90 เซนติเมตร) เกิดเหยียบพลาดทำให้หงายหลังตกลงมาที่ทางเดิน
มาตรการแก้ไข
1. ก่อนการใช้บันไดพาด จะต้องทำการตรวจเช็กโครงสร้างของบันได (มีการโยกคลอน โก่งงอ แตกร้าว และผุ หรือไม่) ระยะระหว่างขั้น และยางกันลื่น
2. พาดบันไดให้ทำมุม 60°-75° กับพื้น
3. พาดบันไดให้ส่วนบนยื่นเลยจากจุดที่พาดขึ้นไปไม่ตํ่ากว่า 60 เซนติเมตร และยึดให้อยู่กับที่
บันไดขาตั้ง
Check Point
1. มีโครงสร้างที่มั่นคงแข็งแรง มีการโก่งงอ โยกคลอนแคลน มีรอยแตกร้าว และผุกร่อนหรือไม่
2. มุมระหว่างขาบันไดกับพื้นมากกว่า 75° หรือไม่
3. บันไดชนิดที่สามารถพับเก็บได้ มีขายึดที่แข็งแรงสำหรับล็อกขาบันไดตอนกางออกหรือไม่
4. ขันบันไดมีความแข็งแรง และระยะระหว่างขั้นเท่ากันหรือไม่
ตัวอย่างอุบัติภัย
ตกลงมาจากบันไดขาตั้งขณะทำงาน
ขณะใช้บันไดขาตั้งชนิดที่ทำมาจากท่อขนาดความสูง 2 เมตร ปีนขึ้นไปทำการ ตกแต่งฝ้าเพดานอยู่นั้น ขายึดบันไดเกิดชำรุดแล้วหลุดออก ทำให้ขาบันไดถ่างออกเป็นผล ให้คนตกลงมาที่พื้นได้รับบาดเจ็บ
มาตรการแก้ไข
1. ก่อนการใช้บันไดขาตั้ง ให้ทำการตรวจเช็กสภาพแขนยึดเสียก่อน และไม่นำบันไดที่ขายึดชำรุดเข้ามาในสถานที่ทำงาน
2. ใช้แผ่นพื้นยางกันลื่น เพื่อป้องกันขาบันไดแยกออกหรือเปลี่ยนตำแหน่ง
3. ใช้เข็มขัดนิรภัยเมื่อทำงานในที่สูง
ไฟส่องสว่าง
1. อุณหภูมิ ความชื้น
Check Point
1. ในห้องทำงานที่มีอากาศร้อน (อุณหภูมิมากกว่า 28 °C) มีการใช้เครื่องปรับอากาศ หรือไม่
2. ในห้องทำงานที่มีอากาศเย็น (อุณหภูมิตํ่ากว่า 5°C) มีการใช้เครื่องทำความร้อน หรือไม่
3. ในห้องทำงานที่มีความชื้นสูง (ความชื้นสัมพัทธ์ 85% ขึ้นไป) มีมาตรการในการปรับความชื้นหรือไม่
4. มีการระเหยระบายอากาศร้อนที่เกิดจากเตาหลอมออกสู่อากาศภายนอกโดยตรง และมีมาตรการป้องกันผู้ปฏิบัติงานจากการแผ่รังสีความร้อนหรือไม่
5. กรณีที่ต้องลงไปในเตาหลอมเพื่อทำการซ่อมแซมในขณะที่เตายังร้อนอยู่มีมาตรการในการระบายความร้อนหรือไม่
6. การพ่นละอองนํ้าเพื่อเพิ่มความชื้น ใช้น้ำบริสุทธิ์หรือไม่
อุณหภูมิที่สบายสำหรับ
งานหนัก…………………7~10°C
งานเบา…………………..10~12°C
งานในสำนักงาน……..16~18°C
2. ไฟส่องสว่าง
Check Point
1. ความสว่างที่โต๊ะทำงานพอเหมาะหรือไม่
2. เพี่อไม่ให้เกิดความแตกต่างกันอย่างชัดเจนระหว่างส่วนที่สว่างและส่วนที่มืด มีการใช้ไฟส่องสว่างรวมร่วมกับไฟส่องสว่างเฉพาะจุดหรือไม่
3. กรณีของแสงไฟที่ส่องมาจากทางด้านหน้า แสงไฟส่องเข้าตาและรู้สึกแสบตา หรือไม่
4. ข้างในและข้างนอกของประตูเข้า-ออก มีความสว่างแตกต่างกันมากหรือไม่
5. Guide Plate ที่อยู่หน้าอุปกรณ์ให้แสงสว่าง บังแสงหรือความสว่างอยู่หรือไม่
6. หลอดไฟสกปรกหรือชำรุด ทำให้ความสว่างลดลงหรือไม่
มาตรฐานความสว่างที่โต๊ะทำงาน (JIS)
ชนิดของงาน |
แสงสว่างเฉพาะจุด |
แสงสว่างรวม |
งานละเอียด |
700 ~ 3000 LUX |
มากกว่า 1/10 ของ แสงสว่างเฉพาะจุด |
งานธรรมดา |
300~ 700 LUX |
|
งานหยาบ |
70 ~ 300 LUX |
วิธีที่จะทำไม่ให้เกิดการแสบตา
3. การถ่ายเทลม การระบายอากาศ
Check Point
1. ปริมาณอากาศในพื้นที่ที่ทำงานมีมากกว่า 10 ลูกบาศก์เมตร/คน หรือไม่
2. ในกรณีของการระบายอากาศตามธรรมชาติ พื้นที่ของหน้าต่างระบายอากาศ (หน้าต่างที่อากาศภายในสามารถผ่านออกสู่ภายนอกได้โดยตรง) มากกว่า 1/20 ของพื้นที่พื้นหรือไม่
3. พัดลมดูดอากาศ อุปกรณ์ระบายอากาศตามจุดต่าง ๆ และเครื่องปรับอากาศทำงานอย่างมีประสิทธิภาพหรือไม่
4. มีการวางสิ่งของไว้ในตำแหน่งที่บังทิศทางของลมหรือไม่
5. ดูแลหน้าต่างและประตูให้อยู่ในสภาพที่สามารถเปิด-ปิดได้ง่ายหรือไม่
4. เสียง
Check Point
1. เสียงของ Air Blower ที่ใช้ในการเป่าแห้งและเป่าฝุ่นสูงเกินไปหรือไม่ 2. มีเสียงสูงที่เกิดจากลมรั่วออกมาจากวาล์วและท่ออากาศหรือไม่
3. มีเสียงดังผิดปกติจากเกียร์และแบริ่ง เนื่องจากเกิดการสึกหรอหรือนํ้ามันแห้ง หรือไม่
4. มีเสียงรบกวนจากการโยนชิ้นส่วนโลหะลงในภาชนะรองรับที่เป็นโลหะโดยตรงหรือไม่
5. มีเสียงจากการกระแทกกันโดยตรงของโลหะเกิดขึ้นหรือไม่
6. มีเสียงที่เป็นผลมาจากสกรูยึด Belt Cover และฝาหลวมหรือไม่
7. มีเสียงการสั่นสะเทือนที่เกิดจากการติดตั้งเครื่องจักรอุปกรณ์ไม่ดีหรือไม่
8. มีเสียงดังเนื่องจากพัดลมระบายอากาศสกปรกหรือชำรุดหรือไม่
9. ทำงานโดยเปิดประตูห้องเก็บเสียงทิ้งไว้หรือไม่
10. ในหน่วยงานที่มีเสียงดังมาก ๆ (มากกว่า 85 Phon) มีการใช้ Ear Plug หรือไม่
11. Ear Plug สะอาดหรือไม่ และเตรียมไว้เพียงพอกับจำนวนพนักงานหรือไม่
มาตรการป้องกันเสียง
มาตรการป้องกันเสียงที่เกิดขึ้นในสถานที่ทำงานสามารถทำได้โดยการควบคุมการ เกิดเสียงด้วยมาตรการดังต่อไปนี้
1. ติดตั้งตัวเก็บเสียง (Silencer) เข้ากับช่องระบายอากาศ เช่น Air Valve
2. ใช้แผ่นยางติดเข้ากับกล่องรองรับชิ้นงานโลหะ เพื่อลดเสียงการตกกระแทก
3. พันวัสดุกันการสะเทือนให้อยู่ระหว่างเครื่องจักรที่สั่นสะเทือนกับพื้น
4. หุ้มห่อต้นกำเนิดเสียงด้วยวัสดุเก็บเสียง
5. นำต้นกำเนิดเสียงออกให้ห่างจากสถานที่ทำงาน เช่น วางไว้ใต้พื้น
6. ลดความสูงในการโยนชิ้นส่วนลงภาชนะรองรับให้ตํ่าลง
7. ลดแรงดันของ Air Blower ลง
5. แสงที่เป็นอันตราย
1. ผู้ทำงานเชื่อมด้วยไฟฟ้าและเชื่อมด้วยแก๊ส มีการสวมแว่นตากันแสงหรือไม่
2. เลือกใช้เลนส์และชนิดของแว่นตาที่เหมาะสมกับลักษณะงานและความเข้มของแสงที่เกิดขึ้นหรือไม่
3. บริเวณรอบเครื่องจักรอัตโนมัติที่ปล่อยแสงที่เป็นอันตราย มีแผ่นกันแสงติดตั้ง อยู่หรือไม่
4. แว่นตากันแสงถูกเก็บรักษาไว้อย่างถูกสุขลักษณะหรือไม่
6. งานที่มีอันตรายจากสภาวะขาดออกซิเจน
1. ก่อนเริ่มงานมีการวัดความเข้มข้นของออกซิเจนก่อนหรือไม่
2. ผู้ควบคุมงานเป็นผู้ที่ได้รับการคัดเลือกมาหรือไม่
3. มีการวางผู้สังเกตการณ์ไว้นอกบริเวณที่ทำงานหรือไม่
4. มีป้ายดังต่อไปนี้ เช่น บุคคลภายนอกห้ามเข้า ชื่อผู้ควบคุมงานและตำแหน่ง ฯลฯ แสดงไว้ในที่มองเห็นได้ง่ายหรือไม่
5. มีการเตรียมเครื่องช่วยหายใจไว้ในบริเวณที่ทำงานหรือไม่
ตัวอย่างอุบัติภัย
ขาดออกซิเจนขณะทำงานเชื่อมอยู่ภายในถัง
ขณะที่ทำงานเชื่อมโดยใช้ก๊าชอาร์กอน (Argon) อยู่ภายในถัง เกิดการสะสมกันของก๊าซอาร์กอนในปริมาณที่มากเกินไป จนทำให้เกิดภาวะขาดออกซิเจน ทำให้ผู้ปฏิบัติงานล้มลงโดยฉับพลัน
มาตรการแก้ไข
1. การใช้ก๊าชอาร์กอน (ก๊าชเฉื่อยที่มีนํ้าหนักเป็น 1.4 เท่าของอากาศ) ในงาน เชื่อมภายในถังที่มีสภาพการถ่ายเทอากาศไม่ดี จะต้องทำการระบายอากาศ ในปริมาณที่มากเพียงพอ
2. วัดปริมาณออกซิเจนเป็นระยะ ๆ อย่างต่อเนื่อง ตลอดการปฏิบัติงาน 3. ในการช่วยเหลือจะต้องเตรียมเครื่องช่วยหายใจไว้เสมอ