หนังสือพิมพ์ในออสเตรเลียได้ตีพิมพ์บทสัมภษณ์ของนายแพทย์ที่ออกมาเตือนให้ผู้ปกครองระมัดระวังความปลอดภัยของบุตรหลาน ภายหลังที่มีอุบัติเหตุเด็กโดนน้ำร้อนจากบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปลวกอาการสาหัส และยังเรียกร้องให้ผู้ผลิตตีพิมพ์ขั้นตอนปฐมพยาบาลเบื้องต้นบนฉลากอีกด้วย
นายแพทย์ชาวออสเตรเลียได้ออกมาแสดงความเห็นหลังเกิดอุบัติเหตุเด็กโดนน้ำร้อนจากบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปลวกว่า ผู้ผลิตควรพิมพ์คำเตือน และข้อมูลเกี่ยวกับการปฐมพยาบาลบนบรรจุภัณฑ์ เพื่อให้ผู้ปกครองได้ตระหนักถึงอันตราย
ศาสตราจารย์แอนดรู ฮอลแลนด์ ผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพเด็กเกี่ยวกับแผลพุพอง กล่าวว่า บะหมี่กึ่งสำเร็จรูปและอาหารว่างชนิดที่ต้องเทน้ำร้อนใส่ลงไป เป็นสาเหตุให้เด็กได้รับบาดเจ็บโดนน้ำร้อนลวกมากกว่า 5% ของจำนวนเด็กที่เข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลจากอุบัติเหตุแผลผิวหนังพุพองทั้งหมด และอัตราการเกิดอุบัติเหตุก็เพิ่มขึ้นถึง 35% นับตั้งแต่ช่วงปี 2005 ถึง 2010
จากการตรวจสอบเคสอุบัติเหตุทั้ง 291 เคส พบว่าเด็กที่ได้รับบาดเจ็บส่วนมากจะอยู่ในช่วงอายุระหว่าง 12 เดือน ถึง 3 ปี และส่วนของร่างกายที่โดนน้ำร้อนลวก คือ ขา ,อก ,ท้อง ,แขน และอวัยวะเพศ
ศาสตราจารย์ได้เปิดเผยข้อมูลต่อไปว่า อุณหภูมิของน้ำที่ใช้ต้มบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปเพียงแค่ 40-60 องศาเซลเซียสก็สร้างอันตรายให้กับผิวหนังที่บอบบางของเด็กได้แล้ว ซึ่งหลายรายถึงขั้นต้องผ่าตัดผิวหนัง นอกจากนั้นยังพบว่าพ่อแม่หลายคนเทน้ำร้อนที่มีอุณภูมิสูงถึง 80 องศาเซลเซียส ใส่ลงในบะหมี่สำเร็จรูปที่อยู่ในบรรจุภัณฑ์พร้อมรับประทาน แล้วนำไปให้เด็ก ซึ่งกรณีเช่นนี้ก็เป็นส่วนหนึ่งของการบาดเจ็บในเด็กที่รุนแรง
ศาสตราจารย์ ฮอลแลนด์ เชื่อว่าการพิมพ์ข้อความเตืือนบนแพคเกจของอาหารกึ่งสำเร็จรูปที่ต้องใส่น้ำร้อนเทลงไป จะช่วยลดอุบัติเหตุ และช่วยให้การบาดเจ็บรุนแรงน้อยลงจากการปฐมพยาบาลที่ถูกวิธี
“เราพบการปฐมพยาบาลที่แปลก ๆ เสมอ ทั้งใช้ยาสีฟัน ,ไข่ขาว ,ครีมขัดรองเท้า ทาลงบนแผลของเด็ก”
วิธีปฐมพยาบาลที่ดีที่สุด คือ ถอดเสื้อของเด็กบริเวณที่โดนลวก จากนั้นใช้น้ำเย็นราดบริเวณแผลพุพองอย่างต่อเนื่องเป็นเวลา 20-30 นาที